ชัยธวัช ชำแหละงบ 68 อัดรัฐบาลมักง่าย-สุ่มเสี่ยง ดันทุรังทุ่มงบแจกดิจิทัลวอลเล็ต

[thanin]

ชัยธวัช ชำแหละงบ 68 อัดรัฐบาลมักง่าย-สุ่มเสี่ยง ดันทุรังทุ่มงบแจกดิจิทัลวอลเล็ต
ชัยธวัช อัดรัฐบาลจัดงบฯ มักง่าย-สุ่มเสี่ยงที่สุด ดันทุรังทุ่มงบแจกดิจิทัลวอลเล็ต หวังกู้วิกฤตศรัทธาคืน เหน็บหาเสียงฉาบฉวยเลยทำไปคิดไป เย้ยนโยบายล้าหลังไป 20 ปีแล้ว เอาโอกาสคนไทยมาเดิมพันจากอิกไนท์เป็นอิกนอร์ไทยแลนด์

วันที่ 19 มิ.ย.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร วาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท โดยในปีนี้ไม่มีการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลัง โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงเหตุผลของการจัดสรรงบประมาณ Admauto99

จากนั้นเวลา 11.00 น. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนขอพูดประเด็นใหญ่ ประเด็นแรก ต้องสรุปภาพรวมของตัวเลขว่า งบประมาณปี 2568 กำหนดวงเงินงบสูงมากเป็นประวัติการณ์ 3.75 ล้านล้านบาท

เงินที่นำมาใช้จ่าย มาจาก 2 ส่วน นั่นคือรายได้รัฐบาลและเงินกู้ การประมาณการณ์รายได้ของรัฐบาลว่าจะมีรายได้สุทธิถึง 2.88 ล้านล้านบาท รายจ่ายจะนำมาจากเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลของงบฯ 8.65 แสนล้านบาท ถือเป็นการวางงบฯ เงินกู้เกือบชนเพดาน สูงสุดไม่เกิน 8.7 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณปี 2567 งบฯ ปีนี้จัดสรรเพิ่มขึ้นถึง 2.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7.8 เป็นการเพิ่มงบประมาณในสัดส่วนที่สูงที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

นายชัยธวัช กล่าวว่า การเพิ่มงบประมาณรายจ่ายของประเทศอย่างก้าวกระโดด โดยกู้เงินมาใช้จนเกือบชนเพดานขนาดนี้ จะสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ จำเป็นต้องไปดูในรายละเอียด ว่ารัฐบาลจะเอาเงินไปทำอะไรบ้าง ในการพิจารณางบฯ ปี 67 เราและพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องผิดหวังกับการจัดสรรงบฯ ของรัฐบาลชุดใหม่ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นรัฐบาลใหม่ยังอ้างได้ว่า ยังไม่สามารถจัดสรรงบฯ ได้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นงบประมาณที่ค้างมาจากรัฐบาลชุดก่อนหน้า


คราวนี้ งบฯ ปี 68 ต้องถือว่าเป็นการจัดสรรงบฯ ที่อยู่ในอำนาจเต็มของรัฐบาลใหม่แล้ว ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้อีก แต่เมื่อเราเข้าไปดูในรายละเอียด ก็ยิ่งผิดหวังกว่าครั้งก่อน ถึงขั้นหมดหวัง เพราะจัดสรรงบประมาณประเทศที่แทบจะเหมือนเดิม มีปัญหาแบบเดิมๆ เรียกได้ว่าเหมือนเดิม เพิ่มเติม คือ ดิจิทัลวอลเล็ต

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ปัญหาแรก งบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ดิจิทัลวอลเล็ต ปัญหาเดิมสำหรับการพิจารณางบฯ 68 คือการจัดสรรงบฯ ที่มียุทธศาสตร์เต็มไปหมด แต่ไม่มียุทธศาสตร์ เพราะจัดสรรงบฯ ที่มีคำพูดสวยหรูเต็มไปหมด แต่ลงรายละเอียดก็ล้วนซ้ำซาก ซ้ำซ้อน เบี้ยหัวแตก มองไม่เห็นนโยบายที่ชัดเจน ตัวชี้วัดการใช้งบฯ ก็เหมือนเดิม เป็นการใช้งบฯ โดยไม่สนใจผลลัพธ์

ก่อนหน้านี้รัฐบาลใหม่เข้ามาปรับแก้กลางทาง อย่างน้อยยังมีโครงการใหม่ๆ ถึง 236 โครงการ แต่งบฯ ปีนี้ รัฐบาลใหม่มี่อำนาจเต็มในการจัดสรร กลับมีโครงการใหม่เพียง 163 โครงการ ยังไม่นับโครงการที่ใหม่ไม่จริง เหล้าเก่าในขวดใหม่เยอะมาก รายจ่ายในการลงทุน มีจำนวนมากที่เป็นรายจ่ายลงทุน ไม่มีการใช้จ่ายที่มีนัยยะสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ไปยึดโยงกับเครือข่ายการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ที่มีส่วนผลักดันรัฐบาลเข้าสู่อำนาจ

นายชัยธวัช กล่าวว่า ทั้งหมดยิ่งตอกย้ำว่า รัฐบาลใหม่ไม่มีวาระทางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ว่าจะทำอะไรกันแน่ แต่ละกระทรวงต่างอยู่ในอาณาจักรของตนเอง ต่างคนต่างทำไร้ทิศทาง ผู้นำรัฐบาลถนัดแต่สั่งการ แต่ไม่รู้วิธีการว่าต้องทำยังไง พอนายสั่ง ข้าราชการเลยจัดให้แบบขอไปที ใช้งบฯ แบบเดิมๆ เอาโครงการเดิมๆ มาแปะป้ายใหม่ ให้ดูว่าเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลใหม่แล้ว สรุปเป็นตัวเลขสวยหรูว่าตอบสนองนโยบายใหม่อย่างไร

"หากจะมีอะไรใหม่สำหรับวาระของรัฐบาลที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนผ่านงบฯฉบับนี้ คงมีแค่เรื่องเดียว นั่นคือ ความพยายามผลักดัน ในระดับที่ผมเรียกได้ว่า ดันทุรังเพื่อทำให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทให้ได้สำเร็จ ดันทุรังกันจนเรียกได้ว่า เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้" นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต อยู่ในงบกลางของงบประมาณปี 68 เป็นรายการตั้งใหม่ในชื่อ ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวน 1.57 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.9 ของงบกลาง

นอกจากนี้ เฉพาะงบฯ ที่จะใช้จากร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็ไม่เพียงพอจะ จึงคาดการณ์ต่อว่าจะใช้เงินจากใช้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) 1.72 แสนล้านบาท และน่าจะขอ งบกลางปี 67 เพิ่ม 1.22 แสนล้านบาท หากยังไม่พอ รัฐบาลอาจออกพ.ร.บ.โอนงบประมาณ จากงบเงินสำรองรายจ่ายฉุกเฉินหรือจำเป็น มาใส่เพิ่มอีก

แต่โดยรวม ผลจากการจัดหางบฯ มาใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางการคลังทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว ภาระการจ่ายหนี้ของรัฐจะสูงขึ้นในอนาคต สูญเสียพื้นที่ทางการคลัง หากจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉินจริงๆ หรือการลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่ในอนาคต

นายชัยธวัช กล่าวว่า ในเมื่อรู้ว่าเสี่ยง แต่ทำไม งบฯ ปี 68 จึงมีลักษณะเจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ คำตอบ คือ เป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้ ประสบปัญหาวิกฤตความชอบธรรมทางการเมืองจากการจัดตั้งรัฐบาล และพอเข้ามาบริหาร จนถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ว่าจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศและปากท้องของประชาชนดีขึ้น

ดังนั้น พรรคแกนนำรัฐบาลจึงเหลือความหวังเดียว คือเชื่อว่าหากสามารถผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงที่เคยหาเสียงไว้ ได้สำเร็จ ความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาลจะฟื้นกลับมา ในสภาพการณ์ที่ข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ ประชาชนหวังจะได้เงินหมื่นของรัฐบาลมาจับจ่ายใช้สอย เราต้องเข้าใจประชาชนคนเล็กคนน้อย

แต่ปัญหาคือในสถานการณ์ปัจจุบัน เราไม่ได้ต้องการรัฐบาลที่จะแสวงหามุ่งความนิยมจากประชาชนแบบมักง่าย สายตาสั้นเช่นนี้ แต่เราต้องการรัฐบาลที่มีเจตจำนงในการผลักดันนโยบายที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า พูดอีกอย่างหนึ่งคือ หากสุดท้ายนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่พรรคแกนนำรัฐบาลกำลังดันทุรังทำ ไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศจริงๆ การจัดสรรงบฯ ปี 68 ก็จะเป็นการจัดสรรงบฯ ที่ไม่ได้เอาโจทย์ของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่เอาโจทย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวตั้ง รัฐบาลนี้กำลังมุ่งแก้ปัญหาวิกฤตทางการเมืองของตนเอง โดยเอาโอกาสและอนาคตของประเทศมาวางเป็นเดิมพัน ประเทศเจ๊งไม่ว่า แต่ต้องรักษาหน้าพรรคแกนนำรัฐบาลให้ได้

นายชัยธวัช กล่าวว่า สาม ทำไมการจัดงบปี 68 จึงไม่ตอบโจทย์ของประเทศจริงๆ แล้ว โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายที่คิดขึ้นมาเพื่อหาเสียงแบบฉาบฉวย ยังคิดไม่เสร็จตั้งแต่ต้น เราจึงเห็นการดำเนินนโยบายเรือธงอันนี้แบบคิดไป ทำไป กลับไปกลับมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ แต่พรรคแกนนำรัฐบาลก็โหมโฆษณาตลอดว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นการกระจายเม็ดเงินลงไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อกระตุ้นการบริโภค แล้วจะไปทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจหลายรอบจนไปกระตุ้นการผลิต การลงทุน และการจ้างงาน

ปัญหาคือ แนวคิดแบบนี้อาจจะใช้ได้กับประเทศไทยเมื่อสัก 20 ปีก่อน แต่มันไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงของประเทศไทยในวันนี้แล้ว ถ้าเราจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ได้จริงๆ ต้องทำยังไง ต้องเน้นลงทุน ไม่ใช่อัดเงินเพื่อกระตุ้นบริโภค เน้นภาคการผลิต ไม่ใช่แค่เพิ่มนักท่องเที่ยว

นายชัยธวัช กล่าวว่า ประเทศเรา ต้องการโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่และการจัดสรรงบฯแบบใหม่ เรายังมีโจทย์ของประเทศอีกมาก ซึ่งดูจะไม่ใช่โจทย์ของรัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณ เช่น โจทย์การศึกษาและการเรียนรู้ ซึ่งเราต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ยกเครื่องกระบวนการและคุณภาพการศึกษา อย่างจริงจัง รวมถึงการลงทุนเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ของเยาวชนและคนวัยทำงานให้ทันโลก

การจัดสรรงบประมาณที่รัฐบาลทำอยู่ก็ไม่ตอบโจทย์ โจทย์สังคมสูงวัย เราต้องการเพิ่มอัตราการเกิดอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาจำนวนประชากรลดลงอย่างรุนแรง ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่การลงทุนกับสวัสดิการสำหรับแม่และเด็กที่เพียงพอก็ยังไม่ใช่วาระเร่งด่วนในงบประมาณของรัฐบาล โจทย์ของชนบทไทย ที่ต้องการการใส่งบประมาณจากรัฐเพื่อสนับสนุนสิทธิในที่ดินที่มั่นคงของชาวบ้าน หรือการพัฒนาแหล่งน้ำ ก็ไม่เห็นคำตอบจากงบประมาณของรัฐบาล

"สรุป การจัดสรรงบประมาณรปี 68 สะท้อนให้เห็นว่า โจทย์ของรัฐบาล ไม่ใช่โจทย์ของประเทศ การจัดสรรงบประมาณครั้งนี้ จึงเป็นการจัดงบฯที่มักง่ายที่สุด สุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะรัฐบาลกำลังเอาทรัพยากรของประเทศ ไปมุ่งแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองเฉพาะหน้าของตัวเอง โดยเอาโอกาสของคนไทยทุกคนและอนาคตของประเทศมาวางเดิมพันอย่างไม่รับผิดชอบ วิสัยทัศน์อิกไนท์ ไทยแลนด์ เป็นอิกนอร์ ไทยแลนด์ เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ และเป็นเหตุผลที่ผมไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.งบปี 68" นายชัยธวัช กล่าว